Thursday, June 27, 2019

Shukree Madakakul in ChiangMai




ChiangMai Map. 

                                                   
            Shukree Madakakul in ChiangMai 



Storytelling เล่าขานเล่าความใน

I came to experience and knew Chiang Mai for the first time 30 years ago because one of my close relatives graduated from Chiang Mai University and became a Chiang Mai citizen living around the area of ​​Chang Puak Gate. There is a Muslim community as well as Chang Puak Mosque It is an old community that exists along with the Chiang Mai city for a long time. which we roughly know that Chiang Mai has a sufficient Muslim population Most of them are ethnic Muslims who migrated from China. Called Chinese Muslims And there are other ethnic groups such as Pakistan, India and the central region of Thailand as well. As of that day, Chiang Mai is growing with tourist attractions, widely known as the second most important secondary city of the country. Foreign countries around the world that flow High mountain location, rich in winter flowers Famous park And still full of royal projects, royal palace, tourist attractions, mountains, many mountains.


ผมได้สำผัสและรู้จักเชียงใหม่ครั้งแรกเมื่อ30 กว่าปีที่ผ่านมา เนื่องด้วยญาติใกล้ชิดท่านหนึ่งเรียนจบมหาวิทยาลัยเชียงใหม่.และกลายมาเป็นเขยชาวเชียงใหม่ แถวๆย่านประตูช้างเผือก และที่นี่ทำให้ทราบว่ามีชุมชนมุสลิม มีมัสยิดช้างเผือก เป็นชุมชนเก่าแก่ ที่อยู่คู่เมืองเขียงใหม่มายาวนาน โดยที่เราทราบแค่เพียงเลาๆ ว่า ที่เชียงใหม่มีประชากรมุสลิมอาศัยอยู่พอสมควร ส่วนใหญ่จะเป็นมุสลิมชาติพันธ์ที่อพยพจากประเทศจีน เรียกกันว่ามุสลิมจีนฮ่อ และยังมีชาติพันธ์อื่นๆ เช่นปากีสถาน อินเดีย และชาวภาคกลางของไทยด้วย ณ วันนั้นเชียงใหม่กำลังเติบโตด้วยสถานที่ท่องเที่ยว ระบือชื่อ เป็นเมืองรองที่สำคัญอันดับ 2 ของประเทศ ซีซั่นท่องเที่ยวฤดูหนาวคราคร่ำไปด้วยผู้คน ต่างประเทศทั่วโลกที่หลั่งไหล สถานที่ภูเขาสูงอุดมด้วยดอกไม้เมืองหนาว อุทยานที่โด่งดัง  และยังเต็มไปด้วยโครงการพระราชดำริ ตำหนัก สถานที่ท่องเที่ยวภูเขายอดดอยมากมาย ที่ใครๆต้องมาเยือน 













For one experience that you will never forget. As a teenager, I followed one of the seniors from the southernmost Narathiwat boy from the southern province wanted to seek luck in this city. In the winter Invest in second-hand clothes Is a multi-price winter coat Many styles from Su-ngai Kolok And in Narathiwat / Pattani market, bring to sell at Chang Phueak market in front of the row house near 4 separate places, which can generate profit Let us roam Motorbike rental Driving up the hill Fun to date That we used to stand to sell fabric at that time, has now become a convenience store to buy

ประสบการณ์ช่วงหนึ่งที่จำไม่ลืม ขณะวัยรุ่นคือผมได้ติดตามรุ่นพี่คนหนึ่งจากเด็กหนุ่มชาวนราธิวาสใต้สุดแดนสยามต้องการแสวงโชคในเมืองนี้ ในช่วงหน้าหนาว ลงทุนหอบเสื้อผ้ามือสอง คือเสื้อหนาวหลายราคา หลายรูปแบบจากสุไหงโก-ลก และตามตลาดนราธิวาส/ปัตตานี นำมาเร่ขาย ที่ตลาดช้างเผือกหน้าห้องแถวใกล้ 4 แยกด้วย ซึ่งพอสร้างรายได้กำไร ให้พวกเราได้เที่ยวเตร่ เช่ารถมอเตอรไซด ขับขี่ขึ้นดอย สนุกสนานไปวันๆ ที่เราเคยยืนขายผ้าตอนนั้นปัจจุบันได้กลายเป็นร้านสะดวกซื้อไปแล้ว 

Untill today, I have the opportunity to visit Chiang Mai again. As a media On behalf of the Southern Border Provinces Bureau, Pattani Province With the Office of the PRD, Region 6 that supports travel Of the PPSC District 6 and the receptionist, who is the host of the PRD Region 3 makes it possible to learn about the history of history. Long-lasting 700 participants The year has deepened. And are all very interesting to study That shows the historical traces of simple patterns Until this area became a tourist area That you will experience the cultural traditions of different nationalities Different religions, both Buddhist, Christian, Islamic and Sikhs, which are perfectly blended togetherWill come to see Mullim like today Used to be the residence of a group of indigenous people Large, which originally lived in the area of ​​Chittipakdee School. At present, there are many ethnic groups together. Characteristic of a slum Lack of discipline Khong, prostitute, liquor store throughout the community There are no Muslims living in this community.10 families with Chinese Yunnan Muslims Pakistani descent from India Muslims have a strong grouping, cross-ethnic marriage.Together among Muslim groups Indian people of Pakistani descent in this area are living people.The rulers of British colonists Follow the English boss to work for the group. One and one immigrant group The relationship of Muslims in this area is good. Come to find each other through tradition, religious rituals A religious teacher Indian name Ustas Mulli, whose wife is Thai Teaches religion according to the Muslim home In this area, but most often send children to study compulsory religion At the Ban Hor era mosque, Ban Ho Mosque is a religious learning center for Muslims in Chiang Mai. Is a strong link between religion and culture In a group of Muslims in this area, there is the first and only member of the House of Representatives of the Mo Slim, the northern part is Khun Aree Wiraphan. The first of Chiang Mai is Mr. Banchong Ratsameechan, who is proud of Muslims in this area and Chiang Mai Muslims Both past and present Muslim community in this area also Probably the source of production for doctors, dentists, officers, police officers, engineers, teachers Government officials, businessmen and people who have a sound reputation throughout Thai society Muslims in this area have a mosque. Lapwa is a center of mind. With a population of 443 people, 98 families at that time


มาวันนี้ ผมได้มีโอกาสมาเยือนเชียงใหม่อีกครั้ง ในฐานะสื่อมวลชน ในนามสำนักข่าว ชายแดนใต้ จังหวัดปัตตานี ด้วยสำนักงานปชส.เขต 6 ที่สนับสนุนการเดินทางสานสัมพันธ์สื่อกับทุกความประทับใจ ของชาวปชส.เขต 6 กับผู้ต้อนรับคือเจ้าภาพ ปชส.เขต 3 ทำให้ได้เรียนรู้ได้ทราบถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมา อันยาวนานร่วม700 ปีได้ลึกมากขึ้น และล้วนเป็นที่น่าศึกษาอย่างยิ่ง ที่ปรากฎร่องรอยประวัติศาสตร์รูปแบบอันเรียบง่าย จนย่านนี้ได้กลายเป็นย่านท่องเที่ยว ที่ท่านจะได้สัมผัสถึงประเพณี วัฒนธรรม ของกลุ่มคนต่างเชื่อชาติ ต่างศาสนา ทั้งพุทธ คริสต์ อิสลาม และซิกข์ ที่ผสมกลมกลืนกันอย่างลงตัวก่อนจะมาเป็นชมชนมุลลิมอย่างเช่นทุกวันนี้ เคยเป็นที่อยู่อาศัยของคนพื้นเมืองกลุ่มใหญ่ ซึ่งเดิมอาศัยอยู่ในบริเวณพื้นที่ของโรงเรียนจิตต์ภักดีปัจจุบัน ก่อนหน้านั้น มีการอยู่ร่วมกันหลายชาติพันธุ์ ลักษณะเป็นชุมชนแออัด ขาดระเบียบวินัย มีทั้งข่องโสเภณี ร้านขายเหล้าทั่วชุมชน มีมุสลิมอาศัยปะปนในชุมชนนี้ไม่เกิน10 ครอบครัว มีทั้งมุสลิมเชื้อสายจีนยูนนาน อินเดียเชื้อสายปากีสถาน บังคลาเทศ ชาวมุสลิมมีการเกาะกลุ่มกันอย่างเหนียวแน่น มีการ แต่งงานข้ามเผ่าพันธุ์กันในกลุ่มมุสลิมกันเอง คนอินเดียเชื้อสายปากีสถานในย่านนี้เป็นคนที่อยู่ใด้ปกครองของนักล่าอาณานิคมอังกฤษ ติดตามเจ้านายอังกฤษเพื่อมาทำงานกลุ่มหนึ่ง และผู้อพยพกลุมหนึ่ง ความสัมพันธ์ของมุสลิมในย่านนี้คอนข้างดี มีการไปมาหาสู่กันโดยผ่านทางวิถี ประเพณี พิธีกรรมทางศาสนา มีครูสอนศาสนาคนอินเดียชื่อ อุสตาสมูลซี ซึ่ง มีภรรยาเป็นคนไทย สอนศาสนาตามบ้านของมุสลิมในย่านนี้ แต่ส่วนใหญ่มักจะส่งลูกหลานไปเรียนศาสนาภาคบังคับ ที่มัสยิดบ้านฮ่อยุคนั้นมัสยิดบ้านฮ่อจะแเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ศาสนาของคนมุสลิมในเชียงใหม่ เป็นการเชื่อมศาสนาและวัฒนธรรมได้อย่างเข้มแข็ง ในกลุ่มของมุสลิมในย่านนี้มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์มูสลิมคนแรกและคนเดียวในภาคเหนือ คือ คุณอารีย์ วีระพันธ์ และยังมีนายทหารไทยมุสลิมคน แรกของเชียงใหม่ คือ ท่าน พ.อ.บรรจง รัศมีจันทร์ ซึงเป็นความภาคภูมิใจของมุสลิมย่านนี้และมุสลิมเชียงใหม่ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ชุมชนมุสลิมย่านนี้ยัง คงเป็นแหล่งผลิตแพทย์ ทันตแพทย์ นายทหาร ตำรวจ วิศวกร ครู อาจารย์ข้าราชการ นักธุรกิจ และผู้มีชือเสียงออกสู่สังคมไทยตลอดมา มุสลิมย่านนี้มีมัสยิดอัต ตักวาเป็นศูนย์รวมจิตใจ มีประชากรจำนวน 443 คน 98 ครอบครัวในขณะนั้น










Wat Ket community is the first Chinese trading community in Chiang Mai, which is a temple district that has a long history than any Chinese community in Chiang Mai. On the route through the Sikh community, the Khmu people and the location of the British Browne Company of England This place is so crowded with art. Culture and architectural diversity As well as a tourist attraction Drink, eat at night and buy Buy souvenirs in the daytime Visiting the Folk Museum in Wat Ketkaram But when coming to Chiang Mai Lamphun Road Impressive images of The Church of the Christ Church, No.1, allows tourists to stop by to see the beauty of the architecture along the Ping River. Visitors will find Chiang Mai's western grave and Queen Victoria of England at the western cemetery, reminiscent of the past colonial pilgrimage. and many other things that should be studied, learn, want everyone to visit touch the 700 years community of Chiang Mai city 

ชุมชนวัดเกตุ เป็นย่านชุมชนค้าขายของชาวจีนแห่งแรกในเชียงใหม่ คือ ย่านวัดเกตที่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่าชุมชนชาวจีนแห่งใดในเชียงใหม่ ในเส้นทางผ่านชุมชนชาวซิกข์ ชาวอิสลาม ชาวขมุ และที่ตั้งของบริษัทบริติชบอรเนียวของชาวอังกฤษ สถานที่แห่งนี้จึงคับคั่งไปด้วยศิลปะ วัฒนธรรมและความหลากหลายทางสถาปัตยกรรม อีกทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยว ดื่มกินในเวลากลางคืนและจับจ่าย ซื้อของที่ระลึกในเวลากลางวัน การเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านในวัดเกตุการาม แต่เมื่อเข้ามาสู่ถนนเชียงใหม่ลำพูน ภาพที่น่าประทับใจของ โบสถ์ไม้คริสต์จักรที่ 1 ทำให้นักท่องเที่ยวต้องหยุดแวะชมความงามของสถาปัตยกรรมริมแม่น้ำปิง นักท่องเที่ยวจะพบหลุมฝังศพบุคคลสำคัญชาวตะวันตกของเชียงใหม่และพระรูปสมเด็จพระนางเจ้าวิกตอเรียแห่งอังกฤษ ณ สุสานฝรั่ง   รำลึกถึงความรุ่งเรืองของการแสวงอาณานิคมในอดีต ..และอื่นๆอีกมากมายที่ควรศึกษาเรียนรู้อยากให้ทุกท่านมาเยือน สัมผัส ชุมชน700 ปี นครเชียงใหม่....

Thanks for PRD region 6 and PRD region 3 for information.


ขอบคุณ #ปชส.เขต6 ข้อมูล ปชส.เขต 3

















































Sunday, June 23, 2019

Nan Province ,National Museum of Nan. คุ้มเจ้าหลวงเมืองน่าน , วัดพระธาตุแช่แห้ง. Wat Phathat Chaehaeng









The National Museum of Nan is situated at Pha Kong Road, Nai Wiang District, Amphoe Mueang Nan, Nan.  The museum is opposite to Wat Phra That Chang Kham, near Wat Phumin. The style of the building is a combination between European style in the age of King Rama V and the native arts of Nan. It was originally used as the royal pavilion and the work place of Royal Governor Phra Chao Suriyawong Pharit Det and underwent two major renovations; the first restoration was in 1932 (2475 B.E.) when it was used as the provincial hall. The upgrade to National Museum of Nan was secondly made in 1974 (2517 B.E.).     The exhibition of the museum utilises windows, natural light, and the airy structure, making all visitors feel at home rather than at the museum, comfortable, and enjoy the displayed items even more.     The museum is divided into two floors. The lower floor shows the living of tribes in Nan province including important festivals such as the Life Prolonging Ceremony, the Longboat Racing, and so on. The upper floor is a display of antiques found in Nan dated from the pre-historic age to the time of series of viceroys. One of the important pieces is the left Black Ivory of ninety-four-centimetre length, weighing 18 kilograms - the spiritual significance of Nan obtained in the reign of Phraya Kan Mueang, the fifth royal governor. The biggest part of the ivory has the diameter of 47 centimetres. Some more precious antiques include: coated earthen wares of the 21st Buddhist century from Bo Suak, Bo Suak District, Amphoe Mueang Nan; the Buddha image in Subduing Mara attitude in Burmese-influenced Lanna style; the silver pedestal tray for betel nuts, one of the crown jewels of the last Nan’s royal governor.     The National Museum of Nan is open for public every Wednesday - Sunday, 08.30 - 16.30hrs. 



The entrance fee is 30 baht for Thai citizens and 100 baht for foreigners. For further information, please call 0-5471-0561 or 0-5477-2777 and fax 0-5477-2777










Nan Province Thailand  






พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน :NATIONAL MUSEUM OF NAN






                  

























                       














รื่องแรก ในสมัยพระเจ้าสุมนเทวราช เจ้าผู้ครองนครเมืองน่าน (พ.ศ. 2353-2368) มีพรานคนเมืองน่านได้เข้าป่า ล่าสัตว์เข้าไปถึงเขตแดนระหว่างไทยกับเชียงตุงได้พบซากช้างตัวดำสนิทตายในห้วย พอดีกับพรานชาวเชียงตุงมาพบด้วยพรานทั้งสองจึงแบ่งงาช้างดำกันคนละข้าง ต่างคนก็นำมาถวายเจ้าเมือง ต่อมาเจ้าเมืองเชียงตุง ได้ส่งสารมาทูลเจ้าสุมนเทวราชว่า "ตราบใดงาช้างดำคู่นี้ไม่สูญหาย เมืองน่านกับเมืองเชียงตุงจะเป็นมิตรไมตรีกันตลอดไป..."

เรื่องที่สอง เมืองน่านยกทัพไปล้อมเมืองเชียงตุงหลายเดือน ทำให้ชาวเมืองเชียงตุงเดือดร้อน โหรเมืองเชียงตุงทูลเจ้าเมืองว่า "เป็นเพราะมีงาช้างดำอยู่ด้วยกัน ทางที่ดีควรแยกออกจากกัน..." จึงนำงาช้างดำกิ่งหนึ่งมอบให้กองทัพเมืองน่านแล้วกระทำสัตย์สาบานเป็นมิตรกันตลอดกาล ความสำคัญของงาช้างดำนี้เชื่อกันว่า พญาการเมือง เจ้าผู้ครองนครน่านองค์ที่ 6 ราวพุทธศตวรรษที่ 20 ได้ทำพิธีสาปแช่งเอาไว้ว่า "ให้งาช้างดำนี้เป็นของคู่บ้านคู่เมืองน่านตลอดไป ผู้ใดจะนำไปเป็นสมบัติส่วนตัวมิได้ ต้องไว้ที่หอคำหรือวังเจ้าผู้ครองนครน่านเท่านั้น..."

ในส่วนของ ครุฑ ที่แบกรับงาช้างดำไว้นั้น แกะสลักจากไม้สักทั้งท่อนโดยช่างสกุลน่าน สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2469 เนื่องจากช่วงนั้นมีข่าวว่าเจ้าเมืองฝ่ายเหนือบางเมืองคิดแข็งข้อก่อการกบฏต่อราชวงค์จักรี เจ้าผู้ครองนครน่านจึงสั่งให้ทำพระครุฑพ่าห์ขึ้นมาแบกรับงาช้างดำวัตถุคู่บ้านคู่เมืองไว้ เพื่อเป็นการแสดงสัญลักษณ์ให้เห็นว่า "นครน่านในยุคนั้นยังคงจงรักภักดีต่อราชวงศ์จักรีแห่งกรุงรัตนโกสินทร์อยู่ไม่เสื่อมคลาย..."



                                                          โบราณสถานวัดน้อย


                                                       




































พระธาตุแช่แห้ง พระอารามหลวง (-Wat Phathat Chaehaeng.) วัดพระธาตุแช่แห้ง หมู่ 3 บ้านหนองเต่า ตำบลม่วงตี๊ด อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน เดิมเป็นวัดราษฎร์ ปัจจุบันเป็นพระอารามหลวง ประดิษฐานอยู่ ณ อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน อยู่ห่างจากตัวเมืองออกไปประมาณ 3 กิโลเมตร องค์พระธาตุตั้งอยู่บนเนินเขาลูกเตี้ย ๆ เป็นสีทองสุกปลั่ง สามารถมองเห็นได้แต่ไกล เนื่องจากสูงถึง 2 เส้น เป็นอนุสรณ์ของความรักและความสัมพันธ์ ระหว่างเมืองน่านกับเมืองสุโขทัยในอดีต




ตัวพระธาตุตั้งอยู่บนเชิงเนินปูด้วยอิฐ ลาดขึ้นไปยังยอดเนิน กว้างประมาณ 20 วา มีบันไดนาคขนาบทั้งสองข้าง องค์พระเจดีย์เป็นแบบล้านนา ฐานเป็นสี่เหลี่ยมซ้อนกันขึ้นไปจนสูง ใช้แผ่นทองเหลืองบุรอบฐาน แล้วลงรักปิดทอง จากพงศาวดารเมืองน่านกล่าวว่า พระยาการเมือง เจ้านครน่านได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจาก กรุงสุโขทัย (กระดูกข้อมือข้างซ้าย) มาประดิษฐานไว้ที่ดอยภูเพียงแช่แห้ง และตามตำนานกล่าวว่า พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาประทับสรงน้ำที่ริมฝั่ง แม่น้ำน่านทางทิศตะวันออก ที่บ้านห้วยไค้ และเสวยผลสมอแห้ง ซึ่งพระยามลราชนำมาถวาย แต่ผลสมอนั้นแห้งมาก พระพุทธเจ้าจึงทรงนำผลสมอนั้นไปแช่น้ำก่อนเสวย และทรงพยากรณ์ว่า ต่อไปที่นี่จะมีผู้นำพระบรมสารีริกธาตุมาประดิษฐาน จึงเรียกพระสถูปที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุแห่งนี้ว่า พระธาตุแช่แห้ง



พระธาตุแช่แห้ง พญาการเมืองโปรดให้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1891 เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ที่ได้มาจากกรุงสุโขทัย งานนมัสการ พระบรมธาตุแช่แห้งจัดราวปลายเดือนกุมภาพันธ์หรือต้นเดือนมีนาคมของทุกปี



ตามความเชื่อเรื่องการไหว้พระธาตุพระจำปีเกิดของชาวล้านนา เชื่อว่าคนเกิดปีเถาะมีพระธาตุประจำปีเกิด คือ “พระธาตุแช่แห้ง” ตั้งอยู่ที่วัดพระธาตุแช่แห้ง จ.น่าน









พระเจ้าอุ่นเมือง องค์พระพุทธรูปขนาดใหญ่เป็นองค์พระประธานของวิหารหลวงวัดพระธาตุแช่แห้ง และพระพุทธรูปทองคำพระนามว่าพระเจ้าล้านทอง
























Thank you : A.Lek Wara ID.  

Temp Song