เมื่อคุณได้มองไปที่ภาพถ่ายวัดอุโมงค์โดยลูกา อินเตอนิสซี และอัลแบร์โตแคสสิโอ คุณจะได้เห็นเจดีย์รูปทรงระฆังในสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ ก่อสร้างขึ้น
ที่จังหวัดเชียงใหม่ในสมัยโบราณ วัดอุโมงค์ตั้งอยู่ที่เชิงดอยสุเทพ-ปุยซึ่งเป็นพรมแดนธรรมชาติกั้นระหว่างประเทศประเทศไทยและประเทศพม่า มี
ทางเข้าสามทางเหมือนศิลปะพุกามของพม่า เจดีย์รูปทรงระฆังเป็นเป็นสถาปัตยกรรมล้านนายุคแรก (ประมาณพุทธศตวรรษที่ 19) ที่ได้รับอิทธิพล
มาจากสถาปัตยกรรมลังกาของอินเดีย เจดีย์และอุโมงค์ถูกละทิ้งมาเป็นเวลานาน แม้ว่าว่าชาวเชียงใหม่จะทราบว่าวัดอุโมงค์เป็นวัดโบราณและเป็น
สถานที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นเพราะอาราม เจดีย์และกำแพงผุพังและพิพิธภัณฑ์ที่เก็บวัตถุโบราณ
วัดอุโมงค์ได้รับการบูรณะในปีพ.ศ. 2543 โดยกรมศิลปากร พระสงฆ์เริ่มที่จะไปอาศัยจำวัดอยู่ที่นั่น เมื่อมีการขุดดินออกมาแล้วก็เป็นการเปิดเผยถ้ำที่
ซ่อนอยู่ ในตอนนั้นยังไม่มีผู้ใดทราบเกี่ยวกับการมีอยู่ของถ้ำที่นั่นจนกระทั่งมีการค้นพบในปีนั้นความกว้าง 140 เซนติเมตร (55 นิ้ว) ความยาว 14 เมตร (46 ฟุต) และความสูง 180 เซนติเมตร (71 นิ้ว) อุโมงค์ประดับตกแต่งไปด้วยภาพเขียนสีน้ำตาลปกคลุมไปด้วยดินและทรายจากตัวอุโมงค์เอง เมื้อชั้นหินปูนถูกเอาออกไป สีน้ำตาลกลายเป็นสีแดงชาดเหมือนที่เคยทาสีไว้เมื่อ 500 ปีก่อน
คณะจิตรกรรมและคณะวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้สร้างภาพจำลองโดยใช้คอมพิวเตอร์กราฟฟิคเพื่อศึกษาภาพบนผนังเพื่อทำการ
บูรณะปฏิสังขรณ์ เมื่อดิฉันอยู่ในอุโมงค์ฉันเห็นภาพทั้งบนหนังเพียงกวาดสายตามอง เป็นภาพแนวกว้างที่ทำให้ดิฉันรู้สึกประหลาดใจแม้ว่าดิฉันจะ
อาศัยอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่มาเป็นเวลาหลายปี
เมื่อตอนที่ดิฉันยังเด็ก ดิฉันได้แสดงความเคารพอยู่ด้านนอกซึ่งดูค่อนข้างรกร้างและดิฉันประหลาดใจที่ไม่สามารถเข้าอุโมงค์ได้เพราะอุโมงค์ถูกปิด
อยู่ เห็นเพียงแค่บันไดเท่านั้น
เมื่อดิฉันได้ทราบข่าวเกี่ยวกับโครงการของกรมศิลปากรซึ่งเฝ้าดูแลวัดทุกแห่งในจังหวัดเชียงใหม่ ดิฉันพบว่าวัดอุโมงค์มีภาพเขียนบนผนังที่มีค่าและ
ได้ติดตามงานของทีมงานบูรณะ เมื่อชั้นหินปูนครอบคลุมภาพเขียนบนพื้นผิวกำแพง ภาพเขียนก็ดูคล้ายคลึงกับที่เครื่องถ้วยชามสมัยราชวงค์หมิงของประเทศจีน เมื่อปรากฏสีที่แท้จริง สีแดงชาด สีเขียวมรกตนั้นสวยงามตามธรรมชาติจริงๆ สีเขียวนั้นค่อนข้างจะมืดและชัดเจนกว่าสีแดงและสีน้ำเงินที่พบในลายดอกโบตั๋นของเครื่องถ้วยชามสมัยราชวงค์หยวนหรือหมิงของประเทศจีน มองไปที่ภาพถ่ายอินฟราเรดของสมาชิกโครงการ ดิฉันเห็นภาพฝูงนกกระสาและดอกโบตั๋นได้อย่างชัดเจน
อันที่จริงแล้วก็มีอุโมงค์4แห่งที่เชื่อมกับเจดีย์ในทางด้านทิศเหนือ ทางเข้าของทั้งสามอุโมงค์ตรงด้านหน้ามีภาพบนผนัง อุโมงค์แห่งที่ 4 ตรงกลางที่ใหญ่ที่สุดนั้นไม่มีภาพบนผนัง ทั้งเทคนิคการทำด้วยมือและภาพคอมพิวเตอร์กราฟฟิคนั้นช่วยในการสร้างภาพขึ้นมาใหม่ อุโมงค์นั้นสวยงามเป็นพิเศษ องค์ประกอบและลวดลายในอุโมงค์ทั้ง 3 แห่งนั้นเหมือนลวดลายผ้าที่ใช้เทคนิคสีฝุ่นและเขียนด้วยสีแดงชาดและสีเขียวมรกต และมีสีขาวและสีดำ
ภาพเขียนในอุโมงค์แห่งแรกคือฝูงรูปนกกระสาและดอกโบตั๋น ภาพเขียนในอุโมงค์แห่งที่สองคือดอกบัวและกลุ่มเมฆ ภาพเขียนในอุโมงค์แห่งที่สาม
คือลายดอกบัวและลายประจำยามซึ่งเป็นการขนานนามลายไทยชนิดหนึ่งดูแล้วก็น่าจะเป็นประสบการณ์ที่คุณแทบจะลืมหายใจเมื่อมีโอกาสไปเยือน..
|
No comments:
Post a Comment